“เด็กไทยไม่เก่งเรื่องการคิด การใช้เหตุผล หรือความคิดสร้างสรรค์ ก็เพราะกระบวนการจัดการเรียนการสอนของครูก็ไม่สัดทัดในการใช้เหตุผล และไม่มีการส่งเสริมให้นักเรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์ โดยส่วนใหญ่มีการสอนแบบให้ความรู้ที่เป็นข้อเท็จจริงแต่ไม่ให้ความรู้ที่เป็นทักษะการคิด ซึ่งก็เป็นที่น่าเสียดายที่เด็กไทยเสียเวลาในการเรียนรู้ข้อเท็จจริงมากเป็นร้อย ๆ หน้า โดยไม่ได้อะไรเป็นผลตอบแทนเลย”
โดยกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็กฝึกทักษะการคิด ฝึกความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ที่ไม่ค่อยถูกนำมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ได้แก่
1. การระดมสมอง ให้เด็กได้ช่วยกันเสนอความคิดเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังคิดอยู่ ทำให้บรรยากาศที่เป็นอิสระ เพื่อให้เด็กกล้าแสดงความคิดเห็นออกมา โดยจะต้องไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์ หรือตัดสินความคิดของใคร ต้องไม่มีบรรยากาศของการแข่งขัน มีแต่ความร่วมมือกัน ให้กำลังใจกัน เป็นกันเอง
2. การฝึกความคิดแบบอเนกนัย เป็นความสามารถในการตอบสนองต่อสิ่งเร้า และแสดงออกมาได้หลาย ๆ แบบ หลาย ๆ วิธี
3. การสอนตามแนวคิดแบบนีโอฮิวแมนนิส คือ การสอนภายใต้บรรยากาศของความเป็นอิสระในการเรียนรู้ มีการส่งเสริมการแสดงออกอย่างเปิดเผย
4. การใช้เทคนิคการคิดนอกกรอบ เป็นวิธีการหนึ่งที่ใช้พัฒนาความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนได้
5. การสอนแบบสืบสวน เป็นการส่งเสริมความคิดหลายทาง และส่งเสริมให้นักเรียนมีความอยากรู้อยากเห็น
6. การใช้กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์
7. การใช้รูปแบบการคิดแก้ปัญหาอนาคตตามแนวคิดของ ทอแรนซ์ ในรูปแบบการคิดนี้มีการใช้เทคนิคระดมสมองเพื่อค้นพบปัญหา และเพื่อคิดวิธีคิดปัญหาเป็นขั้นตอนย่อยอยู่ด้วย
8. การฝึกให้นักเรียนคิดเอาใจเขามาใส่ใจเราหรือการรู้จักรับฟังความคิดเห็น หรือความรู้สึกของผู้อื่น
9. การใช้กิจกรรมการเรียนการสอนด้วยศูนย์การเรียนคอมพิวเตอร์ กิจกรรมนี้มีส่วนช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นอนุบาลได้มาก
10. การใช้กิจกรรมพัฒนาความสามารถในการประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ
ซึ่งแนวทางการพัฒนากระบวนการคิดสร้างสรรค์ที่กล่าวมานี้ ครูจำต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของทักษะ และลักษณะการคิดอันเป็นพฤติกรรมพื้นฐานนำไปสู่กระบวนการคิดแล้วใช้ความเหมาะสมของเวลา และเนื้อหาในบทเรียน หรือโอกาสอื่น ๆ ในการจัดการเรียนการสอน ฝึกให้นักเรียนแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ เมื่อนักเรียนได้รับการฝึกบ่อยครั้งเข้าก็จะกลายเป็นความชำนาญ ทำให้เด็กคิดเป็น และแก้ปัญหาได้
การคิดสร้างสรรค์เป็นกระบวนการคิดที่ซับซ้อน ผู้คิดจะต้องใช้ทักษะและลักษณะการคิดหลายอย่างประกอบกัน การฝึกฝนก็ต้องใช้วิธีการที่หลากหลาย แต่ทุกวิธีจะมีจุดร่วมเดียวกัน คือ จะต้องดำเนินการภายใต้บริบทของการเรียนการสอนที่ยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง (Child centered) การคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กมีความสัมพันธ์กับการจัดการเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสอนของครู หมายความว่า ถ้าครูเปลี่ยนพฤติกรรมการสอนมายึดเด็กเป็นศูนย์กลาง โอกาสที่เด็กจะมีความคิดสร้างสรรค์ก็มีมากขึ้น ความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กก็จะสูงขึ้น เป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แต่ก่อนที่จะหวังให้เด็กไทยคิดเป็นและแก้ปัญหาได้นั้น ได้เกิดคำถามขึ้นในใจว่า ณ เวลานี้ ครูเปลี่ยนพฤติกรรมการสอนหรือยัง และครูมีความเข้าใจแนวคิดการจัดการเรียนการสอนที่ยึดเด็กเป็นศูนย์กลางมากน้อยเพียงใด หรืออาจจะต้องแก้ปัญหาที่ครูด้วยกระบวนการคิดสร้างสรรค์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น